วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559

การทำเหล็กโหนบาร์ โดยใช้แนวคิดภาคปฎิบัติ

เคยรู้สึกไหมว่าบางคนเวลาพูดแล้วน่าฟังจัง แต่บางคนเมื่อพูดแล้วน่าเบื่อ อยากจะหนี่ใปให้ไกลๆ ทั้งๆ ที่เขาพูดในหัวข้อเดียวกันแท้ๆทั้งนี้ก็ฃึ้นอยู่กับเทคนิคการพูด   

หรือสไตล์การพูดของแต่ละคนที่จะช่วยทำให้ดูน่าฟังหรือว่าน่าเบื่อนั่นเอง แต่สิงเหล่านี้เราก็สามารถฝึกฝนกันไดไม่ต้องเครียดไปหรอกรู้จักพัฒนาบุคลิกภาพของ[ราเคยรู้สึกไหมว่าบางคนไม่ได้สวยหรือว่าหล่อ บาร์โหนราคา อะไรเท่าไร แต่เขาก็มีอะไรดึงดูดใจเราให้เราอยากคุยด้วย บางทีมากกว่าคนที่สวยหรือหล่อเสียอีก นั่นเป็นเพราะบุคลิกภาพของเราที่ดูดีมีเสน่ห์นั่นเองบุคลิกภาพก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คำพูดคำจาของเราน่าฟังเพราะหากว่าเราหัวยุ่งๆ เดินห่อไหล่ หลังค่อมๆ ดูไม่สง่างาม ในใจของคนอื่นก็อาจจะตัดคะแนนของเราไปแล้วโดยที่เราไม่รู้ตัว บาร์โหนเพิ่มความสูง บุคลิกภาพนั้น รวมทั้งเรื่องการเดินเหิน

กิริยาท่าทาง การแต่งกาย ซึ่งอาจจะไม่ต้องหรูหรา แต่ก็สะอาดสะอ้าน ไม่สกปรก แค่นีก็ทำให้เราดูดีขึ้นมากแล้วเราอย่าไปคิดว่าบุคลิกภาพนั้นไม่สำคัญ ข้างในนั้นสำคัญกว่าแต่อย่าลืมว่าแวบแรกที่เห็นและ เป็นสิ่งที่เห็นได้ง่ายนั้นก็คือลักษณะภายนอกนั่นเอง ดังนั้นบุคลิกภาพก็ยังดงเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่นั่นเองนาเสียงชวนฟ็งเรื่องของการพูดนั้น สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ “นํ้าเสียง” ที่ควรจะมีนํ้าเสียงที่นุ่มนวลชวนฟัง ไม่ไปในแนวตะโกนโหวกเหวก หรือว่าไม่ไดิไปในแนวเนิบๆ เสียงโทนเดียวตลอด หรือว่าเสียงที่เบาเกินไปนํ้าเสียงที่ชวนน่าฟังนอกจากจะนุ่มนวล ไม่เสียงดังหรือเบาเกินไปแล้ว ยังต้องมีลูกเล่นเหมือนกับเสียงดนตรี คือมีเสียงสูงตํ่า หนักและเบา เพื่อที่จะได้เน้นในเรื่องที่ควรจะเน้น และปล่อยตามสบายในเรื่องทั่วไปนั่นเอง หากว่าเราอยากจะเป็นคนที่พูดแล้วน่าฟังก็ควรจะสืกการออกเสียงให้ดีด้วยจะเป็นการดียิ้มแย้มแจ่มใสเวลายิ้มนั้นจะน่าดูกว่าหน้าบูดบึ้ง  ดังนั้นคนที่พูดไปยิ้มไป จึงดูน่ามองน่าคุยมากกว่าคนที่ท่าหน้าเฉยๆ หรือท่าหน้าบูดบึ้งตลอดเวลาเวลาพูดก็ยิ้มน้อยๆ เวลาฟังก็อมยิ้ม เวลาเป็นเรื่องขำข้นก็หัวเราะหรือว่ายิ้มกว้างๆ ไปตามเรื่องที่สนทนาอยู่ แค่นี้แหละที่จะช่วยท่าให้เราเป็นคนที่น่าพูดคุยได้มากยิ่งขึ้น

บาร์โหน